หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ รายงานความคืบหน้าการค้นหาเรือดำน้ำทัวร์ซากไททานิก “ไททัน” วันนี้ (21 มิ.ย.) โดยระบุว่า มีการ “ตรวจพบเสียงใต้น้ำ” ขณะเครื่องบิน Lockheed P-3 Orion ของแคนาดาสแกนมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในวันอังคาร (20 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการค้นหา

หน่วยยามฝั่งระบุว่า หลังตรวจพบเสียงใต้น้ำ ได้มีการเปลี่ยนทิศทางยานควบคุมระยะไกล (ROV) ที่ปฏิบัติการค้นหาใต้ทะเล ไปยังบริเวณที่ดูเหมือนจะเป็นแหล่งกำเนิดเสียงแทน แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณที่จับต้องได้ของเรือที่หายไป

“การค้นหาของ ROV ให้ผลลัพธ์เชิงลบ แต่ยังคงดำเนินต่อไป” หน่วยยามฝั่งกล่าว พร้อมเสริมว่า ข้อมูลเสียงที่ P-3 สแกนเจอได้ถูกแบ่งปันกับผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรือสหรัฐฯ สำหรับการวิเคราะห์เพิ่มเติม เพื่อนำไปพิจารณาในแผนการค้นหาในอนาคต

ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะหรือขอบเขตของเสียง แต่สำนักข่าว CNN และ Rolling Stone ซึ่งอ้างเอกสารภายในของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รายงานว่า เครื่องบินของแคนาดา “ตรวจพบเสียงกระแทกเป็นเวลา 30 นาทีในพื้นที่ค้นหา”

โดย Rolling Stone เป็นรายแรกที่รายงานข่าวว่า ทุ่นโซนาร์สามารถจับเสียงดังกล่าวได้ และ CNN รายงานว่า 4 ชั่วโมงต่อมาหลังจากตรวจพบเสียงกระแทกครั้งแรก ก็มีเสียงดังขึ้นอีก แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นเสียงลักษณะใด

เรือดำน้ำไททัน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชันส์ (OceanGate Expeditions) ขาดการติดต่อกับเรือพื้นผิวในเช้าวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) หลังดำน้ำลงไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ระหว่างมุ่งหน้าไปยังซากเรือไททานิกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เรือดำน้ำขนาดเล็กได้รับการออกแบบให้อยู่ใต้น้ำได้นาน 96 ชั่วโมง โดยบรรทุกผู้โดยสารไปด้วย 5 คน ประกอบด้วยพลขับ 1 คน และผู้เชี่ยวชาญ 4 คน โดยไม่มีการระบุตัวตนของบุคคลทั้งห้า

แต่มีรายงานว่า ผู้ที่น่าจะโดยสารเรือดำน้ำไททันไป น่าจะมี มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ฮามิช ฮาร์ดิง วัย 58 ปี และชาห์ซาดา ดาวูด นักธุรกิจชาวปากีสถาน วัย 48 ปี กับสุเลมาน ลูกชายวัย 19 ปี รวมถึง พอล-อองรี นาร์โจเลต นักสำรวจชาวฝรั่งเศส วัย 77 ปี และสต็อกตัน รัช ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชันส์ ก็ร่วมเดินทางไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันตัวตนของผู้โดยสารคนใดทั้งนั้น

เรียบเรียงจาก Reuters

ภาพจาก AFP